CO.CC:Free Domain

รวมเทคโนโลยีไอทีน่าสนใจในรอบปี 2553 (ต่อ)

ระบบนำทาง GPS ได้รับความนิยมมากขึ้น ราคาถูกลง ทุกคนรู้จัก GPS กันมากขึ้น มีการพัฒนาแผนที่นำทาง การตั้ง POI จุดที่น่าสนใจไว้ให้ การผสานกับ Social Networking มากขึ้น

กล้องดิจิตอล กล้องวีดีโอราคาถูกลง รองรับการอัพโหลดขึ้นสู่ youtube ได้ง่ายไม่ต้องลำบากแปลงไฟล์

อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล SSD ได้รับความนิยมมากขึ้น ในขณะที่ USB Flash drive มีราคาถูกลง เริ่มต้นที่ 2 / 4 / 8GB
ก็คุ้มสุด ๆ รวมไปถึงการพกพา External Hard Drive กันมากขึ้น เริ่มต้น 250 / 320 / 500GB จนถึง 1TB ก็เป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว

ที่ไม่พูดถีงไม่ได้เลยก็คือ ตลาดมือถือปีนี้ ทัชโฟนราคาไม่กี่พัน จนไปถึงหลายหมื่นออกมาให้เล่นกันเยอะมาก กล้องถ่ายรูปเป็นคุณสมบัติสำคัญไปเสียแล้ว สองพันกว่าบาทก็มีกล้อง ฟังวิทยุ ฟังเพลงได้สบาย

การใช้อุปกรณ์พกพานอกสถานที่บ่อยๆ ทำให้เทรนด์การใช้งาน Mobile Booster ชาร์จไฟแบบพกพา มีมากขึ้น มีการใช้งาน data หนักขึ้น การใช้งาน Air Card มีมากขึ้น ทำให้ทุกคนสามารถใช้โน้ตบุ๊ก เน็ตบุ๊กได้ทุกสถานที่
ไม่ต้องง้อ Wi-Fi เพราะมี Air Card แบบ USB ทุกค่ายมือถือมีจำหน่าย

และปีนี้ก็คือปีทองของ SmartPhone อย่าง BlackBerry, iPhone, Android ต้นปีหลายๆคนได้มีโอกาสสัมผัสกับ Google Nenus One ต่อมาก็มาที่ความแรงของ Samsung Galaxy Spica, Wellcom A88 ที่สร้างชื่อให้ Wellcom จนมาถึง iPhone 3GS ที่ดีแทค นำเข้ามาขาย แล้วต่อด้วย iPhone4 การเข้ามาของ BlackBerry ที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทุกอย่างของคนต้องกดบีบีแช็ตตลอดเวลา ถ่ายรูป โพสลง Facebook, twitter ตลอด

การเข้ามาของการเชื่อมต่อ USB 3.0 การใช้งาน Bluetooth / Wi-Fi เป็นเรื่องธรรมดามาก ทุกคนรู้จัก EDGE / GPRS ไม่ต้องสาธยายความ หลายๆคนได้สัมผัสกับ 3G ในบางพื้นที่

ในส่วนของซอฟต์แวร์อย่าง Anti-virus ก็เป็นที่รู้จักมากขึ้น ราคาถูกลง หลายๆคนใช้ของแท้ อัพเดตตลอด รู้จักแบรนด์ของ Anti-virus กันมากขึ้น

จากอาญชกรรมต่างๆ ทำให้กล้องวงจรปิดได้พัฒนาไปมาก มีการปรับปรุงซอฟต์แวร์ พัฒนาความละเอียดในการถ่ายภาพ การตรวจจับวัตถุเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ฉลาดขึ้น

การตัดต่อ Youtube เริ่มมีการพูดถึง มีบทบาทมากขึ้น เพราะทุกคนผลิตสื่อได้เอง

ส่วนระบบปฏิบัติการในปีนี้ ใครๆก็ใช้ Windows 7 ของแท้ ที่มีมาพร้อมกับโน้ตบุ๊กหลายๆรุ่น หลายคนเริ่มหันมาใช้ Windows 7 กันมากขึ้น ในขณะที่หลายๆคนก็หันไปซื้อ MacBook, iMac กับราคาเครื่องที่ถูกลงกับ OS ใหม่ๆ

นวัตกรรมใหม่อย่าง มินิโปรเจคเตอร์ของ 3M ก็ถือว่าปฏิวัติวงการ การนำเอาหน้าจอบน iPhone ไปนำเสนอบนโปรเจคเตอร์ขนาดพกพา ที่ให้ความสามารถที่น่าทึ่งในแบบพกพา

หลายค่ายลงมาเล่นในกลุ่มสินค้าลำโพงพกพา และโฮมเธียเตอร์ สำหรับ iPhone, iPod มากขึ้น สินค้าที่รองรับ iPad ก็มีมากขึ้นด้วยเช่นกัน

การเปิดตัวของมือถือหลายค่ายที่น่าจับตาอย่าง Acer, ASUS ที่หันมาเล่น Android รวมไปถึง LG, Samsung, HTC ที่ยกขบวนเข้ามา

กลุ่มสินค้าที่เป็น Online Streaming หรือ media player อย่าง WD TV Live ก็ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตอบรับกระแสของ Home Entertainment

กระแสแรงที่ไม่พูดไม่ได้เลยก็คือ Microsoft Office 2010 ที่ของแท้แบบ Home & Students ถูกน่าใช้มาก การทำงานต่างๆไหลลื่นกว่าเดิม แนะนำว่า ปีหน้า คุณก็ต้องใช้ Office 2010

หากมองกันจริงๆ ปีนี้ถือว่าตลาดออนไลน์โตเร็วมาก ทำให้อุปกรณ์และอุตสาหกรรมทุกอย่างเติบโตอย่างรวดเร็ว มีองค์ประกอบหลายๆอย่างทำให้ไอทีเติบโตได้เพราะอินเทอร์เน็ตเข้าถึง EDGE 3G เข้าถึง สินค้าไอทีโตขึ้น รอติดตามว่าปีหน้า 54 จะมีอะไรดีๆ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม PCToday ครับ

บทความโดย yokekung จาก www.pctodaythailand.com
Kids Electric Toothbrush Online Shop

รวมเทคโนโลยีไอทีน่าสนใจในรอบปี 2553

วันเวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเสียเหลือเกิน PCToday ในฐานะสื่อหนึ่งที่อยู่เคียงข้างคนไอทีมาโดยตลอด ได้แนะนำการเลือกซื้อ การใช้งานสินค้าต่างๆ ลองมาย้อนดูว่า ปีนี้ มีเทคโนโลยีอะไรที่เคลื่อนไหวบ้าง

ตั้งแต่ต้นปี กระแสการเปิดตัว Tablets อย่าง iPad และ HP Slate ก็เป็นข่าวหนาหู จนถึงวันเปิดตัว iPad ที่ช่วงแรกที่เป็นข่าวหนาหู ในการเปิดตัว Tablets ที่รองรับการอ่าน E-Books ทำให้ปีนี้ทุกคนมองกระแส E-Books มาแรง สื่อดิจิตอลเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ค่าบริการอินเทอร์เน็ตถูกลง มีการเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อ (ดาวน์โหลด) มากขึ้น

ในขณะเดียวกันการเติบโตของ Youtube ก็ทำให้เราใช้การอัพโหลด มากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน รวมไปถึงการเป็นสื่อพลเมือง User-Generated contents ได้เอง ทุกคนมี Social Network สามารถใช้งานเป็น Social Media ได้
ทุกคนมี blog, facebook, twitter, webboard มีสื่อของตนเอง

สิ่งที่ทุกคนได้สัมผัสในปีนี้ นอกจากโน้ตบุ๊ก เน็คบุ๊ก ที่มีการพัฒนาความเร็วแล้ว การเชื่อมต่อ 3G ก็ถูกพูดถึงมากที่สุดในปีนี้
การนำเอาเทคโนโลยีมือถืออย่าง RFID เข้ามาช่วยอย่าง Touch SIM การจำหน่ายอุปกรณ์ Mi-Fi การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงาน ความปลอดภัย ได้รับการพูดถึงมากขึ้น

เครื่องพิมพ์เลเซอร์สีเองก็ได้พัฒนาไปมาก ราคาก็ถูกลง จอภาพก็ใหญ่ขึ้นราคาเป็นเจ้าของได้มากขึ้น อุปกรณ์จัดเก็บอย่าง External Harddrive ก็มีการพัฒนาขึ้นมาก ความเร็วมากขึ้น ไม่ได้เพิ่มแค่ความจุ การเชื่อมต่ออย่าง eSATA, SATA3 มีให้เห็นมากขึ้น

Visual Computing, Cloud Computing ได้รับความนิยมมากขึ้น มีการพูดถึงมากขึ้น สิ่งที่พลิกวงการซีพียูคือการเปิดตัว ซีพียู อินเทล คอร์ i3, i5, i7 ตอบโจทย์การใช้งานในแต่ละรูปแบบ

การ์ดแสดงผลได้รับการพัฒนามากขึ้น ทั้งบนเดสก์ทอปและโน้ตบุ๊ก เน็ตบุ๊ก รวมไปถึงอุปกรณ์พกพาต่างๆ ในการแสดงผลแฟลช การรันแอพพลิเคชั่นต่างๆ เกมต่างๆที่ออกมาในหลากหลายอุปกรณ์

จอภาพก็ได้รับความนิยมมากขึ้่น หลายๆคนเริ่มใช้จอ 2 จอในการทำงาน เพราะจอเดียวอาจไม่พอในการทำงานแบบ Multi-tasking และการใช้งานความบันเทิง

พอร์ตเชื่อมต่อก็เปลี่ยนไป HDMI, Mini HDMI, DVI ได้รับการพัฒนามากขึ้น เป็นมาตรฐานมากขึ้น แถมตอนนี้หลายๆคนเริ่มต่อหลายจอ ทำให้การรับชมเพลิดเพลินมากขึ้นด้วย

ในทุกๆเทคโนโลยีหันมาสนใจด้านการจัดการพลังงานมากขึ้น การบริหารการใช้งานแบตเตอรี่ การออกแบบหน้าจอของอุปกรณ์พกพาต่างๆ การใช้เทคโนโลยีของการผลิตหน้าจอ มีผลในการทำงานของแบตเตอรี่ด้วย และการลดเสียงรบกวนในการใช้งานก็เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติยอดฮิตในปีนี้

ติดตามต่อได้ในโพสต์หน้าครับ...

บทความโดย yokekung จาก www.pctodaythailand.com
Best Kids Electric Toothbrush

Apple เผยเตรียมเร่งเพิ่มกำลังผลิต iPhone ในปีหน้า

ตัวแทนจาก Apple ได้ออกมากล่าวรายงาน คาดว่าในไตรมาสถัดไปจะสามารถส่งออกไอโฟนได้มากถึง 20-21 ล้านเครื่องทั่วโลก โดยเกือบๆ 25% ของทั้งหมดจะเป็นโทรศัพท์มือถือระบบ CDMA

โดย DigiTimes ได้รายงานข่าวว่า อ้างอิงจากแหล่งข่าวที่มาตามปกติโดยตัวแทนซัพพลายเออร์ไต้หวัน ระบุ Apple ตั้งเป้าส่งออกไอโฟนในไตรมาสแรกของปี 2011 ไว้อยู่ที่ราว 20-21 ล้านเครื่อง จากเดิมที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 19 ล้านเครื่องก่อนหน้านี้
ซึ่งตัวแทนซัพพลายเออร์ที่ผลิตส่วนประกอบชิ้นส่วนให้กับไอโฟนยังได้กล่าวคอนเฟิร์มยืนยันถึงความพร้อมในครั้งนี้อีกด้วย

ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง จะเท่ากับว่า มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดจาก 15.5 ล้านเครื่องในไตรมาสที่สี่ โดยตลอดปีที่ผ่านมา Apple น่าจะสามารถส่งออกไอโฟนได้ราว 47 ล้านเครื่องทั่วโลก สำหรับในไตรมาสแรกหน้านี้ Apple ตั้งเป้าว่าจะส่งออกไอโฟนที่รองรับระบบ CDMA ประมาณ 5-6 ล้านเครื่อง โดยจะรันบนเน็ตเวิร์กของ Verizon ซึ่งทั้งหมดตั้งใจจะส่งออกไปขายยังอเมริกาเหนือและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในช่วงไตรมาสแรก เพื่อเติมเชื้อเพลิงให้กับ Verizon ในการเข้ามารับหน้าที่เป็นตัวแทนผู้ให้บริการไอโฟนในไตรมาสต่อๆไปนั่นเอง

Source : CNET

Designed by Posicionamiento Web | Bloggerized by GosuBlogger | Blue Business Blogger