PC TODAY CLUB

iPhone 5 อัพเดทข่าวล่าสุดกับ ป๋าเอก TechXcite เริ่มต้นข่าวเช้ารับอรุณวันพุธนี้ด้วยกระแสข่าว iPhone 5 ที่สะพัดไปทั่วโลกอินเทอร์เน็ตหลังมีรายละเอียดหลุดออกมาว่าในเวลานี้ Apple ได้เริ่มต้นทดสอบ iPhone 5 รุ่นโปรโตไทป์ซึ่งจะมาพร้อมกับขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเป็น 3.9 นิ้ว (จาก 3.5 นิ้ว) รวมถึงระดับความละเอียดหน้าจอของ iPhone 5 ที่ก็จะมีการปรับเพิ่มขึ้นไปเป็น 1136x640 พิกเซลด้วย (จาก 960x640 พิกเซล)

โดย iPhone 5 รุ่นทดสอบเหล่านี้ซึ่งมีรหัสว่า N41AP (5,1) and N42AP (5,2) กำลังได้รับการทดสอบอย่างเข้มงวดโดยทีมงานของ Apple บางส่วนเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้สัมผัสกับตัวจริงของ iPhone 5 ที่ว่านี้ อย่างไรก็ตามยังไม่มีการยืนยันออกมาว่าความแตกต่างระหว่าง iPhone 5 สองเครืองนี้อยู่ในจุดใดและทั้งคู่จะได้รับการนำมาพัฒนาเป็น iPhone 5 หน้าจอ 3.9 นิ้วออกมาวางขายจริงกันเมื่อไหร่กันแน่

ทั้งนี้ iPhone 5 ได้รับการคาดหมายจากสื่อมวลชนทั่วโลกมาโดยตลอดว่า Apple จะได้เริ่มต้นอัพเกรด iPhone 5 กันด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นอย่างน้อยๆ ก็ 4 นิ้วในระดับใกล้เคียงกับคู่แข่งในฝั่งสมาร์ตโฟน Android ซึ่งนอกเหนือจากจะช่วยให้ผู้ใช้งาน iPhone 5 ได้รับความสะดวกในการใช้งานที่เพิ่มขึ้นแล้ว ขนาดหน้าจอที่มากขึ้นกว่าเดิมยังช่วยเปิดทางให้ iOS 6 ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันต่อไปที่จะได้รับการนำมาใช้งานใน iPhone 5 สามารถเพิ่มลูกเล่นในการปรับแต่งคุณสมบัติต่างๆ บนหน้าจอได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย

ในเดือนนี้ แอปเปิ้ลอาจจะมีการแนะนำไอพอดทัชรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมความสามารถในการเชื่อมต่อกับคลื่นความถี่วิทยุแบบ 3G

แหล่งข่าวไม่ทราบชื่อ AppleNApps ได้รายงานข่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า ไอพอดทัชรุ่นใหม่จากแอปเปิ้ลจะมีลักษณะคล้าย "มินิไอแพด" โดยจะเพิ่มการสนับสนุนการเข้าถึงเครือข่ายเน็ตเวิร์กความเร็วสูง 3G เช่นเดียวกับที่แอปเปิ้ลได้ใช้กับแท๊บเล็ตจอสัมผัส

แหล่งข่าวได้ระบุ แอปเปิ้ลและคู่ค้าได้มีการทำงานร่วมกันเพื่อออกแผนการใช้ที่ไม่ต้องติดสัญญาแบบหนึ่งแบบใดเหมือนในไอแพด โดยหนึ่งในเหตุผลหลักที่สนับสนุนคำกล่าวนี้คงจะเป็นบริการ iCloud ซึ่งเป็นบริการจากแอปเปิ้ลที่ให้การเชื่อมต่อและแบ่งปัน โดยมีคิวเปิดบริการในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ ซึ่งการเพิ่มความสามารถ 3G เข้าไปในไอพอดทัช ผู้ใช้งานจะสามารถเชื่อมต่อไปได้ทุกที่ทุกเวลาเช่น

ไอพอดทัชรุ่นใหม่นี้ ตามรายงานจะมีลักษณะคล้ายกันมากกับรุ่น 4 ปัจจุบัน ซึ่งออกเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว แต่ทั้งนี้ แหล่งข่าวไม่ยืนยันว่า ข่าวลือเรื่องดังกล่าวจะจริงเท็จแค่ไหน โดยกล่าวแต่เพียงว่า การเปลี่ยนแปลงควรจะมี

Source : AppleInsider

ถามกันแล้วถามกันเล่าแต่ก็ไม่เคยเบื่อสำหรับสาวก Apple ทั้งหลายที่กระหายใคร่รู้ว่าเมื่อไหร่กันหนอที่ iPhone 5 จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เมื่อไหร่กันหนอที่ iPhone 5 จะเริ่มเปิดให้สั่งจองล่วงหน้า และเมื่อไหร่กันหนอที่ iPhone 5 จะเริ่มวางขายกันแน่

ล่าสุด TechXcite ไปเจอทรรศนะความคิดเห็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับ iPhone 5 จากเว็บไซต์ CultofMac ที่ได้นำเสนอความเป็นไปได้เกี่ยวกับตารางหมายกำหนดการเกี่ยวกับ iPhone 5 ทั้งหมดซึ่งน่าจะช่วยตอบคำถามข้างบนได้อย่างชะงัดดีนักแลมานำเสนอเพื่อนๆกัน โดยตารางเวลาของ iPhone 5 นั้นพอจะสรุปคร่าวๆได้ตามรายละเอียดด้านล่างนี้

14 กันยายน 2554 - Apple เริ่มส่งหมายเชิญให้สื่อมวลชนเข้าร่วมงานอีเวนต์ช่วงฤดูใบไม้ร่วงประจำปีของบริษัท

สาเหตุก็คือ Apple มักจะเลือกส่งหมายกำหนดการให้กับสื่อมวลชนช่วงกลางเดือนกันยายนเพื่อเข้าร่วมอีเวนต์พิเศษที่ระยะหลังมานี้เป็นงานเปิดตัว iPod รุ่นใหม่มาโดยตลอด ขณะเดียวกัน Apple เองก็มักจะจัดงานเปิดตัวลักษณะนี้ในวันพุธมาแทบจะตลอดซึ่งก็จะตรงเข้ากับวันที่ 14 กันยายนนี้พอดี

21 กันยายน 2554 - เปิดตัว iPhone 5 อย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลกที่นครซานฟรานซิสโก

หลังจากส่งหมายเชิญแล้ว Apple มักจะเว้นระยะเวลาเข้าสู่งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์จริงประมาณหนึ่งสัปดาห์ โดยงานเปิดตัว iPhone 5 นั้นก็น่าที่จะยังคงจัดขึ้นในศูนย์ประชุม Yerba Buena Center for the Arts เช่นเดิม

28 กันยายน 2554 - Apple เริ่มเปิดให้ลูกค้าสั่งจอง iPhone 5 ผ่าน Online Store

แม้จะมีความเป็นไปได้ที่ Apple จะเปิดให้ลูกค้าจอง iPhone 5 กันได้ตั้งแต่วันที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการทันที ทว่าในอดีตเมื่อครั้งที่ Apple เปิดตัว iPhone 4 อย่างเป็นทางการในวันที่ 7 มิถุนายน 2553 เมื่อปีที่ผ่านมาก็เริ่มเปิดให้ลูกค้าสั่งจอง iPhone 4 กันในอีก 8 วันต่อมามาแล้วเช่นเดียวกัน

7 ตุลาคม 2554 - iPhone 5 เริ่มออกวางจำหน่ายตามร้านค้าและตัวแทนจำหน่ายต่างๆในวงกว้าง

ส่วนนี้อิงจากข่าวลือล่าสุดที่มีรายละเอียดหลุดออกมาจากตัวแทนจำหน่ายทั้งโอเปอเรเตอร์อย่าง Sprint และห้าง Best Buy ที่ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า iPhone 5 จะเริ่มวางขายในวงกว้างช่วงสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคมนั่นเอง

บทความโดย: ekk TechXcite
ที่มา: cultofmac

Mr.Steven Sinofsky ประธานบริษัทไมโครซอฟท์ ได้ประกาศผ่านบล็อกที่เพิ่งเปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ในเวอร์ชั่นถัดไป จะอยู่ในขั้นตอน Pre-release และปล่อยออกมาให้ทดลองใช้กันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

โดย Sinofsky น่าจะมีแนวโน้มหมายถึงรุ่น Beta ของ Windows 8 ตั้งแต่เขาบอกว่า บริษัทต้องการที่จะเริ่มต้นสนทนากับผู้คนทั่วไปที่เข้ามาทดลองเวอร์ชั่น Pre-release ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยอ้างอิงตามข้อมูลจากบล็อกใหม่ 'Building Windows 8'

ลูกค้า (คู่ค้า), นักพัฒนา และผู้ใช้ทั่วไป จะสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินงานของ Windows 8 ได้ โดยเขากล่าวว่า "Windows 8 จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับระบบปฏิบัติการวินโดวส์" อย่างไรก็ตาม เขาเน้นว่า บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุน Windows 8 บนเครื่องคอมฯพีซีและฮาร์ดแวร์ที่รันด้วย Windows 7 ที่มีอยู่ทั้งหมด

Sinofsky ได้ให้สัญญาจะเปิดเผยข้อมูลที่มากขึ้นเรื่อยๆในสัปดาห์ถัดๆไป "มันมีรายละเอียดอยู่มากเกี่ยวกับ Windows 8 ซึ่งก็มีทั้งจุดที่เป็นเอกลักษณ์และมีความสำคัญอยู่มาก ดังนั้น เราจึงต้องการที่จะสร้างความมั่นใจว่า จะใช้เวลาเพียงพอที่จะอธิบายเนื้อหาให้ครอบคลุมทุกรายละเอียดเท่าที่จะทำได้ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกันในสิ่งที่ทีมงานต้องการและผู้ใช้งานต้องการ ดังนั้น ในสัปดาห์ต่อๆไป เราจะเริ่มพูดคุยในรายละเอียดที่ลงลึกของแต่ละฟีเจอร์ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่ให้มุมมองที่ต่างไป จากรากฐานไปยังส่วนติดต่อผู้ใช้, ไปยังการสนับสนุนฮาร์ดแวร์ และอื่นๆ"


เขายังเสริมว่า "ทางทีมงานทั้งหมดจะเข้าร่วมพูดคุย โดยส่วนมากเราจะโพสและอ่านทุกๆความเห็นของผู้ใช้ และรับทราบความต้องการของคุณ เราจะมีส่วนร่วมในการเจรจาอย่างสร้างสรรค์กับคุณ ซึ่งเราพร้อมรับทุกข้อผิดพลาดและแก้ไข หวังว่าทุกคนจะให้ความร่วมมือกับเราเป็นอย่างดี" โดยในเดือนพฤษภาคม Steve Ballmer ซีอีโอไมโครซอฟท์ได้กล่าว ระบบปฏิบัติการใหม่จะมาถึงมือผู้บริโภคในปี 2012 ตามมาด้วยในเดือนมิถุนายน Dan'l Lewin รองประธานกรรมการ ก็ได้ออกมาบอกเป็นนัยๆว่า Windows 8 จะเปิดตัวราวๆช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2012

นอกจากนี้ ยังมีรายงานจาก ZDNet อ้างว่า ไมโครซอฟท์จะปล่อยเวอร์ชั่นเบต้าออกมาราวกลางเดือนกันยายนนี้อีกด้วย

Source : CNET - Pantip

หากเปรียบการแข่งขันในตลาดแท็บเล็ตวันนี้เป็นสังเวียนมวย คู่ชกที่สมน้ำสมเนื้อ คงจะมีเพียง 2 กลุ่มที่ดูมีฝีไม้ลายมือไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แน่นอน ไอแพด คือตัวยืนในมุมแดง ที่มีแอปเปิลเป็นเทรนเนอร์ ส่วนคู่ชกมุมน้ำเงินอีกฟากดูเหมือนจะเป็นการรวมตัวเฉพาะกิจ ระหว่างแบรนด์ดังค่ายไอทีกับแบรนด์ดังค่ายมือถือ ที่จับมือแบบหลวมๆ โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือ โค่นบังลังก์แชมป์ของไอแพดลงมาให้ได้

จากความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องของค่ายไอที รวมถึงค่ายมือถือที่ต่างส่งสัญญาณแรงๆ ออกมาว่า จะก้าวขึ้นสังเวียนในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้แน่นอน จะเห็นได้จากการงัดไม้เด็ดออกมาเรียกคะแนนจากผู้บริโภคกันมากขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หลังจากปล่อยให้ไอแพด ชิงความโดดเด่นไปในช่วงครึ่งปีแรก

ข้อมูลล่าสุดจากบริษัทวิจัยตลาด การ์ทเนอร์ ประเมินยอดจำหน่ายแท็บเล็ตรวมทั่วโลกในปีที่ผ่านมาว่า อยู่ที่ราว 17.6 ล้านเครื่อง แน่นอน ไอแพด สามารถครองส่วนแบ่งได้ถึง 84% แต่แนวโน้มส่วนแบ่งตลาดของไอแพดในปีนี้จะลดลงเหลือราว 69% จากยอดรวมแท็บเล็ตที่คาดว่าจะอยู่ที่ราว 70 ล้านเครื่อง




รวมถึงยังมีการวิเคราะห์กันว่าผู้บริโภคในตลาดภูมิภาคเอเซียเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุด และคาดว่าภายในปี 2558 ตลาดเอเซียจะครองส่วนแบ่งยอดขายแท็บเล็ตราว 1 ใน 3 หรือประมาณ 50 ล้านเครื่อง จากยอดจำหน่ายรวมทั่วโลกที่เชื่อว่าจะเกิน 150 ล้านเครื่องในปี 2558 เห็นได้จากไลน์สินค้าในตระกูลแท็บเล็ตของค่ายไอที ที่เริ่มทยอยเข้าสู่ตลาดมาสร้างความคึกคักให้แก่ผู้บริโภค หลังจากร้องเพลงรอแท็บเล็ตทางเลือกในตลาดมาตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ไอแพด 2 เปิดตัวออกสู่ตลาดและเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อต้นเดือนมีนาคม

เริ่มกันจากฝั่งแบรนด์เอเซีย หลังจากทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่แต่ยังไม่มีของขายในตลาดช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาในประเทศไทย ก็ถึงเวลาจัดส่งสินค้าที่เปิดการจองเอาไว้ถึงมือผู้ใช้เสียที ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์จากแดนโสมอย่างเกาหลีใต้ ที่มี 'ซัมซุง' เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน เปิดให้จองซัมซุง กาแลกซี แท็บ 10.1 กับเอไอเอส และให้ข้อมูลว่าจะส่งมอบสินค้าภายในเดือนก.ค.นี้แน่นอนในจำนวนหลักพันเครื่อง แถมยังจูงใจด้วยของแถมที่โดนใจให้คนไทยยอมยืนต่อแถวยาวเหยียดเหมือนตอนที่ไอแพด 2 สร้างปรากฎการณ์มาแล้ว แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณออกมาว่า จะมีวางขายปกติเมื่อไร

นอกจาก กาแลกซี แท็บ 10.1 แล้วซัมซุงยังมีแผนทำตลาด กาแลกซี แท็บ 8.9 กับ ทรูมูฟ คาดว่า สินค้าจะทยอยเข้ามาในช่วงไตรมาส 3 นี้เช่นเดียวกัน จุดขายหลักๆ ของกาแลกซี แท็บรุ่นใหม่ คือ ความบางของตัวเครื่องที่ออกแบบมาให้กลายเป็นแท็บเล็ตที่บางที่สุดในโลก แต่เรื่องประสิทธิภาพว่าจะดีเพียงใดนั้น ทางซัมซุงยกให้ 'บล็อกเกอร์' กลุ่มหนึ่งในประเทศไทยที่สถาปนาตัวเองเป็น 'เทพ' ว่าจะเลือกเชียร์แท็บเล็ตค่ายใดเป็นพิเศษเป็นผู้ตัดสิน

ด้านแบรนด์ร่วมชาติเกาหลี 'แอลจี' ก็ไม่น้อยหน้า เตรียมลุยตลาดแท็บเล็ตด้วย 'ออปติมัส แพด' ที่เคาะราคาขายแล้วที่ 24,900 บาท ชูจุดเด่นที่เป็นแท็บเล็ตรุ่นแรกที่สามารถบันทึกภาพ-วิดีโอแบบ 3มิติ และตัวเครื่องยังรองรับการแสดงผลแบบ 3มิติ โดยใช้แว่นตา 3มิติทั่วไปได้ทันที

ข้ามฟากมายังแบรนด์จากประเทศไต้หวัน 'เอเซอร์' เบอร์หนึ่งในตลาดคอมพิวเตอร์เมืองไทย เริ่มทำตลาดแท็บเล็ต 2 ระบบปฏิบัติการอย่าง A500 ที่เป็นแอนดรอยด์ และ W500 ที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ เริ่มเข้ามาสร้างสีสันในตลาดในช่วงไตรมาส 2 และถือเป็นแท็บเล็ตขนาด 10 นิ้วที่มาพร้อมกับพอร์ตยูเอสบีรุ่นเดียวในขณะนี้ ที่มีเครื่องให้ซื้อไปใช้งาน ซึ่งบล็อกเกอร์ต่างออกปากชมว่า ดีมาแล้ว

ส่วนเพื่อนร่วมชาติอย่าง 'เอซุส' ซึ่งขึ้นชื่อว่าล้ำเรื่องเทคโนโลยี ก็ยังไม่พร้อมวางขาย 'อีแพดทรานฟอร์เมอร์' เหมือนแบรนด์อื่น แต่ทำเป็นเท่ห์คงกลัวเสียลูกค้าก็เลยบอกว่าขอแท็บเล็ตล็อตพิเศษจำนวน100 เครื่องในลักษณะเปิดให้จอง แต่ไม่ได้บอกว่าของจะเข้ามาเมื่อไร แต่เชื่อว่าน่าจะเข้ามาขายไตรมาส3 เหมือนแบรนด์อื่นๆ

ผิดกับแบรนด์ผู้นำเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนอย่าง เอชทีซี ที่เลือกสร้างจุดต่างในกลุ่มผลิตภัณฑ์แท็บเล็ตยุคใหม่ชูความโดดเด่นในการใช้งานระบบสัมผัสทั้งจากนิ้วมือ และปากกา เพื่อให้เกิดพฤติกรรมการใช้งานรูปแบบใหม่ โดย Flyer ถือเป็นแท็บเล็ตรุ่นแรกที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลความเร็ว 1.5 GHz เนื่องจากแบรนด์อื่นๆหันไปทำตลาดแท็บเล็ตด้วยหน่วยประมวลผลดูอัลคอร์ 1GHz กันแทน

สิ่งที่เอชทีซี พยายามนำเสนอสู่ตลาดคือระบบ Scribe ที่ผู้ใช้แท็บเล็ตไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อคีย์บอร์ด หรือใช้นิ้วพิมพ์แป้นคีย์บอร์ดเสมือน เพื่อจดบันทึกอีกต่อไป ด้วยการนำปากกาสไตลัสรุ่นพิเศษที่ออกแบบมาให้สามารถใช้งานร่วมกับหน้าจอเฉพาะของ Flyer ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้ปากกาจดข้อความ ทำเครื่องหมายลงไปยังหน้าเว็บไซต์ ไฟล์เอกสาร รูปภาพต่างๆ พร้อมแชร์ผ่านอีเมล โซเชียลเน็ตเวิร์ก และระบบคลาวด์คอมพิวติง

ฟากฝั่งแผ่นดินมังกร นอกจากขุนศึกที่ออกโชว์ตัวตามงานใหญ่แบรนด์ 'เลอโนโว' ที่มีการโชว์ต้นแบบแท็บเล็ตที่สามารถเชื่อมต่อกับเน็ตบุ๊กได้ และทยอยออกข่าวแท็บเล็ตรุ่นใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง แต่ความเห็นล่าสุดของผู้บริหารของเลอโนโวประเทศไทยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มแท็บเล็ตนั้น คือต้องการรอดูความต้องการของตลาดอีกสักพัก เนื่องจากกลัวว่าจะเป็นกระแสความนิยมเช่นเดียวกับเน็ตบุ๊ก ที่สร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้บริโภคว่าเป็นโน้ตบุ๊กราคาถูก แต่ในความเป็นจริงแล้วการใช้งานไม่สามารถเทียบเท่ากันได้

"ไตรมาส 3 จะเห็นแท็บแล็ตของเลอโนโววางขายทั้งในตลาดคอนซูเมอร์และตลาดคอมเมอร์เชียล" ผู้บริหารเลอโนโวยืนยันกับทีมงาน

ด้าน 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ทางด้านอุปกรณ์เครือข่ายอย่าง 'หัวเว่ย' และ 'แซดทีอี' ก็โดดลงสังเวียนแท็บแล็ตเช่นกัน แต่ดูท่าแล้วหัวเว่ย น่าจะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยง่ายกว่าจากเดิมที่มีสมาร์ทโฟนบางรุ่นวางจำหน่ายในตลาดอยู่แล้ว

'มีเดียแพด' คือซับแบรนด์ในตลาดแท็บแล็ตของ หัวเว่ย ถูกการันตีว่าเป็นแท็บเล็ตที่ใช้แอนดรอยด์ 3.2 ตัวแรกของโลก บนขนาดหน้าจอ 7 นิ้ว หน่วยประมลผลดูอัลคอร์ 1.2 GHz ที่ช่วยให้สามารถเล่นไฟล์ภาพยนตร์ความละเอียดสูง 1080p ได้ และมีความบางเพียง 10.55 มิลลิเมตร และน้ำหนักเพียง 390 กรัม

ขณะที่สามแบรนด์ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น 'เอชพี' ที่ได้เวลาเข็น 'ทัชแพด' ออกมาวางจำหน่ายในอเมริกาแล้ว แต่ในประเทยไทยยังไม่มีแผนตอนนี้ โดยทัชแพดมาบนความต่างของระบบปฏิบัติการที่ใช้ 'เว็บโอเอส 3.0' ที่เอชพีไปซื้อมาจากปาล์ม และนำมาพัฒนาต่อยอดออกมาเป็นระบบปฏิบัติการบนแท็บเล็ต ที่ล่าสุดมียอดแอปพลิเคชันในระบบราว 300 แอปฯ เท่านั้น ทำให้ยังคงต้องรอดูถึงความชัดเจนในการทำตลาดของเอชพี ทัชแพด ในประเทศไทยว่าจะเป็นเช่นใด

เดลล์เองก็มีการเปิดตัว Streak ขนาด 7 นิ้ว แท็บเล็ตขนาดกระทัดรัดที่รองรับการใช้งาน 4G ที่เริ่มทำตลาดในสหรัฐฯมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ทางเดลล์ไทยยังคงไม่มีความคืบหน้าในการจัดการระบบบริการหลังการขาย ทำให้ยังต้องชลอการนำเข้าอุปกรณ์พกพารุ่นใหม่ๆเข้ามาในตลาด เพราะจากการทำตลาดของ Streak 5 ในช่วงที่ผ่านมาก็มีกระแสตอบรับค่อนข้างลบในแง่ของบริการหลังการขายที่ไม่โดนใจ

ส่วนแบล็กเบอรี ที่ล่าสุดมีการเปิดให้จอง Playbook ภายในงานบางกอกโมบายโชว์ เริ่มต้นที่ราคา 16,900 บาท นั้น ก็ถือเป็นอีกหนึ่งคู่แข่งสำคัญในตลาดของไอแพด จากความสามารถในการใช้งานมัลติทาสกิง(ทำงานหลายๆแอปฯพร้อมกัน) ที่โดดเด่นที่สุดในขณะนี้

แต่ก็ยังตามมาด้วยปัญหาในการใช้งานมากมายสำหรับผู้ที่ไม่มีแบล็กเบอรี เพราะจะไม่สามารถใช้งานจุดเด่นของบีบี อย่างพุชเมล และแชตได้ถ้าไม่ทำการเชื่อมต่อกับตัวสมาร์ทโฟน รวมถึงจำนวนแอปฯบนระบบปฏิบัติการ QNX นั้นยังมีจำนวนน้อยอยู่ด้วย

ทั้งหมดนี้ทำให้เชื่อว่าภายในช่วงครึ่งปีหลัง ประเทศไทยน่าจะมีแท็บเล็ตรุ่นใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดจากกว่า 10 แบรนด์ ไม่นับรุ่นย่อยๆ ของแต่ละแบรนด์ที่จะทยอยออกมาเจาะกลุ่มแต่ละเซกเมนต์ ทำให้การแข่งขันในสังเวียนแท็บเล็ตดุเดือดมากกว่าเดิม ไม่ใช่ผูกขาดเฉพาะไอแพด 2 ที่มีเสียงบ่นเเรื่องของขาดตลาด แอปเปิลคงนิ่งนอนใจไม่ได้อีกแล้ว และคงได้เวลาออกวิ่งอีกครั้งหลัง 'นอนมา' เกือบครึ่งปี

ที่มา: ผู้จัดการ

แอปเปิ้ลพร้อมแล้วสำหรับสายการผลิต MacBook Air รุ่นใหม่ที่จะเปลี่ยนมาใช้ชิปประมวลผลตระกูลใหม่ล่าสุดจากอินเทลเป็นพลังในการขับเคลื่อนหลัก

โดยแหล่งข่าว AppleInsider ได้รายงานข่าวเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า แอปเปิ้ลพร้อมแล้วสำหรับการเดินเคลื่อนกำลังการผลิตอย่างเต็มรูปแบบใน MacBook Air รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่ ซึ่ง CNET ได้รายงานข่าวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า MacBook Air รุ่นใหม่ จะมีการนำเอาชิปซิลิคอน Sandy Bridge จากอินเทลเข้ามาใช้ และหยุดกำลังการผลิตสำหรับชิปตระกูล Core 2 Duo ดั้งเดิมที่มีการใช้ตั้งแต่ปี 2008

โดยอ้างอิงจากนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ AppleInsider ได้รายงานข่าวว่า MacBook Air รุ่นใหม่นี้ คาดว่าจะเข้าสู่กระบวนการผลิตอย่างเต็มรูปแบบในเดือนนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับยอดสั่งจองที่ตอนนี้มีรวมๆทั้งสิ้นกว่า 380,000 เครื่องทั้งรุ่นขนาดหน้าจอ 11.6 และ 13.3 นิ้ว

โดยจากแหล่งข่าวเดียวกันยังได้ระบุ แอปเปิ้ลจะหยุดกระบวนการผลิตทั้งหมดสำหรับเวอร์ชั่นปัจจุบันของ MacBook Air โดยแอปเปิ้ลได้นำเอาชิปรุ่นล่าสุดจากอินเทลมาปรับใช้ในแล็ปท็อปตระกูลเบาที่สุดตามหลังรุ่น MacBook Pro ที่มีการปรับใช้ก่อนหน้า โดยจะมีทั้งชนิด Core i5 และ Core i7

ใน MacBook Air รุ่นใหม่ จะมีการเพิ่มพอร์ท Thunderbolt ให้เป็นมาตรฐานอย่างเช่นทุกรุ่นของ MacBook Pro หรือไม่นั้น รายงานแจ้งว่า ในกรณีนี้ย่อมเป็นเช่นนั้นแน่นอน โดยชิปกราฟิกซิลิคอน ก็มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนด้วยเช่นกัน โดยใน MacBook Air รุ่นแรกนั้น มีการใช้ชิปกราฟิกจากอินเทล ในขณะที่รุ่นที่สองและสาม มีการใช้ชิปกราฟิกจาก Nvidia โดยในคราวนี้ แอปเปิ้ลคาดว่าจะหันกลับมาพึ่งพิงอินเทลเหมือนแต่ก่อน

Source : CNET-Pantip

จากสถิติใหม่ชี้ให้เห็นว่า หลังจากเวลาหนึ่งสัปดาห์ Firefox 4 ก็สามารถเดินก้าวไปข้างหน้าได้เร็วกว่า Internet Explorer 9 เรียบร้อยแล้ว

ทางไมโครซอฟท์ได้ทำการเปิดตัว Internet Explorer 9 เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ในขณะที่ Mozilla เปิดตัว Firefox 4 เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสองค่ายได้ทำการส่งมาตรฐานบราวเซอร์ความเร็วสูงใหม่ลงในตลาดซอฟต์แวร์ปัจจุบัน

จากข้อมูลสถิติของ Net Applications ระบุว่า IE9 มีผู้ใช้งานทั่วโลกอยู่ที่ 1% ในขณะที่ Firefox 4 ขึ้นไปแตะอยู่ที่ 1.7% แม้ว่าจะเริ่มต้นเปิดตัวทีหลังก็ตามแต่ โดย Firefox 4 เปิดตัวมาพร้อมข้อได้เปรียบใหญ่ในการขึ้นนำแซงหน้าคู่แข่ง IE9 นั่นคือ จะเป็นบราวเซอร์ที่สามารถรันได้บนระบบปฏิบัติการรุ่นเก่าอย่าง Windows XP ในขณะที่ IE9 นั้น จำเป็นจะต้องใช้งานระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ ได้แก่ Windows Vista SP2 หรือ Windows 7 เท่านั้น ซึ่งในปัจจุบัน มีคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows XP อยู่กว่า 54.4% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต มากกว่า Windows 7 ที่มีผู้ใช้งานอยู่ที่ 24.2% และ Windows Vista ที่มีผู้ใช้งานแค่เพียง 10.6%

นั่นจึงเป็นเหตุผลหลักว่าทำไม Firefox 4 ถึงมีอนาคตที่ดูสดใสมากกว่า ถึงแม้ IE9 จะดึงเอาการรองรับมาตรฐานเว็บใหม่เข้ามาเป็นจุดขาย ผนวกกับความสามารถในการควบคุมการนำจ่ายสำหรับตัวเร่งฮาร์ดแวร์ และนำเสนอประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม แต่เพราะข้อจำกัดอย่างที่กล่าวไว้นั่นเอง เป็นเหตุผลให้ IE9 ยังคงตามหลัง Firefox 4 อยู่ดี